ค่าความถี่50/60 Hz ของโคมไฟถนน LED บอกอะไร?
เวลาเราพูดถึง โคมไฟถนน LED หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่บ้าน เรามักจะเห็นคำว่า “ความถี่ 50 หรือ 60 เฮิรตซ์ (Hz)” โผล่มาด้วยเสมอ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่เคยสงสัยไหมว่าไอ้เจ้าตัวเลขนี้มันเกี่ยวอะไรกับไฟ LED ของเรา แล้วทำไมบางประเทศใช้ 50 Hz บางประเทศใช้ 60 Hz? มาดูกันว่าความถี่ไฟฟ้าที่ว่านี้มันสำคัญกับโคมไฟถนน LED ของเรายังไงบ้าง
ทำความเข้าใจ “เฮิรตซ์” และกระแสไฟฟ้าสลับ
ก่อนอื่น ขอพาไปรู้จักกับพื้นฐานง่ายๆ ที่ทุกคนควรรู้ก่อน
กระแสไฟฟ้าสลับ (Alternating Current – AC) อันนี้แหละที่เราใช้กันอยู่ทุกวันตามบ้านเรือนและอาคารทั่วไป รวมถึงไฟถนนด้วย กระแสไฟฟ้า AC มีลักษณะพิเศษคือทิศทางการไหลของไฟฟ้าจะ สลับไปมา ตลอดเวลา ไม่ได้ไหลทิศทางเดียวเหมือนไฟฟ้ากระแสตรง (DC)
ความถี่ (Frequency): คำนี้แหละที่บอกว่ากระแสไฟ AC มันสลับทิศทางไป-กลับ ครบวงจรได้กี่ครั้งในหนึ่งวินาที หน่วยวัดก็คือ เฮิรตซ์ (Hz)
ถ้าบอกว่า 50 Hz ก็คือ ไฟฟ้าสลับทิศทางครบ 50 รอบในหนึ่งวินาที
ถ้าบอกว่า 60 Hz ก็คือ ไฟฟ้าสลับทิศทางครบ 60 รอบในหนึ่งวินาที
ความถี่นี่แหละที่มีผลต่อการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างที่พึ่งพาไฟ AC ไม่ว่าจะเป็นหม้อแปลง, บัลลาสต์, ไดรเวอร์ LED หรือแม้แต่วงจรกรองไฟต่างๆ
ทำไมต้องมีทั้ง 50 Hz และ 60 Hz?
ความแตกต่างของความถี่ 50 Hz และ 60 Hz เป็นเรื่องของมาตรฐานระบบไฟฟ้าที่แต่ละภูมิภาคใช้กันมาแต่แรก ซึ่งต่างกันไปตามการพัฒนาและข้อกำหนดทางเทคนิค
ระบบ 50 Hz: เจอได้บ่อยสุดในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศไทย ส่วนใหญ่ในเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย และบางส่วนของแอฟริกา ส่วนใหญ่จะมาคู่กับแรงดันไฟฟ้า 220-240 โวลต์ (V)
ระบบ 60 Hz: อันนี้เป็นมาตรฐานหลักของโซนทวีปอเมริกาเหนือ (อย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา) และบางส่วนของญี่ปุ่น มักจะมาพร้อมกับแรงดันไฟฟ้า 110-120 โวลต์ (V)
ดังนั้น การที่สเปกไฟถนน LED บอกว่ารองรับ “50/60 Hz” มันคือการบอกว่า “ฉันใช้งานได้กับระบบไฟฟ้าได้ทั้งสองแบบเลยนะ!” ซึ่งดีมากๆ เพราะมันทำให้โคมไฟตัวนั้นมีความยืดหยุ่นสูง สามารถขายและติดตั้งได้ทั่วโลก
ความถี่ไฟฟ้า เกี่ยวอะไรกับ “โคมไฟถนน LED”
มาดูกันแบบเจาะลึกขึ้นอีกนิดว่าความถี่ไฟฟ้า มันมีผลกระทบยังไงกับ โคมไฟถนน LED ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันบ้าง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับแค่การเปิด-ปิดไฟเท่านั้น แต่ลึกซึ้งไปถึงเรื่องของประสิทธิภาพ ความเสถียร และอายุการใช้งานเลย
- ความถี่ไฟฟ้ากระทบต่อการออกแบบไดรเวอร์ LED
โคมไฟถนน LED ต้องแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ให้เป็นกระแสตรง (DC) ผ่านวงจรที่เรียกว่า LED Driver ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่แปรความถี่ 50/60 Hz ให้เหมาะสมกับการใช้งานของหลอด LED หากไดรเวอร์ไม่ได้ออกแบบให้รองรับความถี่ของระบบไฟฟ้าที่ใช้อยู่ อาจทำให้ไฟกระพริบ หรืออุปกรณ์เสียหายได้
- ไฟกระพริบ (Flicker) ที่บางทีก็มองไม่เห็น
ถ้าโคมถนน LED ใช้ไดรเวอร์ที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่รองรับความถี่ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดอาการ “ไฟกระพริบเร็ว” อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ปวดตา ปวดหัว หรือแม้แต่กระทบต่อกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่บันทึกภาพใต้แสงนั้น ทำให้ภาพกระตุกหรือมืดสลับสว่างเป็นช่วงๆ
- ยืดหยุ่น เข้ากันได้กับระบบไฟฟ้าสากล
โคมไฟถนน LED ที่ดีมักออกแบบมาให้รองรับทั้งความถี่ 50 และ 60 Hz เพื่อให้สามารถใช้งานได้ในหลายประเทศ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ภายใน เหมาะสำหรับผู้ผลิตที่จำหน่ายในตลาดสากล หรือในโครงการที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์จากต่างประเทศ
- ความถี่ที่ไม่เสถียรอาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
แม้หลอด LED จะมีอายุการใช้งานยาว แต่หากใช้กับระบบไฟฟ้าที่มีความถี่ไม่คงที่ หรือไดรเวอร์ไม่สามารถกรองความผันผวนของความถี่ได้ อาจทำให้วงจรเสียเร็วขึ้น ความร้อนสะสมสูงขึ้น และประสิทธิภาพของแสงลดลง
สรุป
โคมถนน LED ที่ระบุว่ารองรับความถี่ 50/60 เฮิรตซ์ เป็นตัวเลขในคู่มือระบบไฟฟ้า มีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ การทำงาน ความเสถียร และอายุการใช้งานของไฟถนน LED ดังนั้นในการเลือกใช้งานหรือจัดซื้อโคมไฟถนน LED ควรพิจารณาว่าอุปกรณ์รองรับความถี่ของระบบไฟฟ้าในพื้นที่หรือไม่ และมีคุณภาพของไดรเวอร์ที่สามารถแปลงสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า เพื่อให้ได้แสงสว่างที่มีเสถียรภาพและคุ้มค่าในระยะยาว
ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฮเบย์ สปอร์ตไลท์ โคมไฟถนน หลอดไฟ LED โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ LINE Official Account: @richestsupply หรือ Facebook: https://www.facebook.com/enrichled